กระทรวงสาธารณสุขเผยว่าในปี พ.ศ. 2568 ไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society)” โดยจะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นประมาณ 14.4 ล้านคนหรือเกินร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มว่าประชากรผู้สูงอายุอาจเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต ในบรรดาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในหมู่ผู้สูงอายุแล้วการหกล้มถือได้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการบาดเจ็บและเสียชีวิตปัจจุบันได้มีนวัตกรรมมากมายที่มีการคิดค้นเพื่อสร้างความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ที่จากเดิมซึ่งอาจใช้การทำงานของกล้องวงจรปิดที่จะทำได้เพียงแต่การบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้เท่านั้น แต่ตัวกล้องจะไม่สามารถแจ้งสัญญาณเตือนได้ จากการศึกษางานวิจัยทั้งหมด พบว่าในหลายๆ งานวิจัยถึงแม้จะมีประสิทธิภาพในการตรวจจับการล้มได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้ในทุกสภาวะพื้นที่ ทุกเวลา เช่น การล้มในห้องน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่เปียกเกิดการลื่นล้มได้ง่ายและจำเป็นต้องถอดเซ็นเซอร์ที่ติดเสื้อผ้าก่อนอาบน้ำ หรือการเดินสะดุดล้มขณะตื่นนอน เนื่องจากแสงสว่างไม่เพียงพอจึงไม่สามารถตรวจจับการล้มด้วยภาพจากกล้องได้ ดังนั้นการพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับการล้มในทุกสภาวะ, ทุกสถานที่และทุกเวลาด้วยความแม่นยำในการตรวจจับสูง พร้อมทั้งมีระบบแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติไปยังบุตรหลานหรือผู้ดูแลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น จึงมีความท้าทายในการพัฒนาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยการแข่งขันในโลกธุรกิจนอกจากความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว นวัตกรรมบริการ (Service Innovation) ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้เกิดการบริการในรูปแบบใหม่ เพิ่มบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยเน้นการอำนวยความสะดวก และความรวดเร็วในการให้บริการ ซึ่งการให้บริการผ่านระบบการดูแลผู้สูงอายุ (Health Center) ที่ทำงานระหว่างอุปกรณ์ติดตัว และอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ พร้อมทั้งให้บริการผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Call Center, Web Portal, Mobile Application, Data Analytic & AI Service เพื่อให้ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยได้รับการดูแลเปรียบเสมือนดั่งกับแพทย์/พยาบาลที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง ดังนั้นการให้บริการผ่านระบบการดูแลผู้สูงอายุ (Health Center) นี้จึงเป็นนวัตกรรมบริการที่จะช่วยให้เกิดคุณค่า (Value) แก่ผู้สูงอายุหรือลูกค้าในระดับสูงสุดได้
1. เป็นการกระตุ้นการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ<br /> 2. ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในผู้สูงอายุในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้สูงอายุได้<br /> 3. ลดเวลาในการดูแลของญาติหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุแบบใกล้ชิด 24 ชม. ผู้ดูแลสามารถหารายได้นอกบ้านได้