• ความสำเร็จการวิจัย พัฒนายา FAVIR (Favipiravir 200 mg tablets) เพื่อ ลดค่าใช้จ่าย และพึ่งพาตนเอง อย่างยั่งยืน เดินหน้าสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมและใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศได้ทันการณ์ควบคู่กับการสังเคราะห์และผลิตวัตถุดิบยา Favipiravir เพื่อความมั่นคงในระยะยาว
ยา Favipiravir เป็นหนึ่งในยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคติดเชื้อ COVID-19 ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทย ปัจจุบันต้องนำเข้าจากต่างประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราการใช้ประมาณ 70,000-80,000 เม็ดต่อวัน ราคาเม็ดละประมาณ 100 บาท ดังนั้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านยา และการพึ่งพาตนเอง อย่างยั่งยืน องค์การเภสัชกรรมจึง ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ Favipiravir tablets โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากบริษัทประเทศอินเดียและจีน มาพัฒนาสูตรตำรับจนถึงขยายขนาดการผลิตเป็นในระดับอุตสาหกรรมได้สำเร็จ และนำไปศึกษาความคงสภาพและประสิทธิผลทางชีวสมมูล (Bioequivalence study) เพื่อศึกษาระดับยาในเลือดเทียบกับยาต้นแบบ โดยผลการศึกษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและผลการศึกษาชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ ขณะนี้ได้ยื่นข้อมูลเพื่อขึ้นทะเบียนตำรับยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งหากได้รับการขึ้นทะเบียน องค์การฯพร้อมดำเนินการผลิตยา FAVIR (Favipiravir 200 mg tablets) ในระดับอุตสาหกรรมได้ทันที ซึ่งในเบื้องต้นจะผลิตได้เดือนละไม่น้อยกว่า 2 ล้านเม็ด ซึ่งจะทำให้ราคาลดลงได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้นองค์การเภสัชกรรมได้พัฒนากระบวนการสังเคราะห์และผลิตวัตถุดิบ Favipiravir ตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อนำมาใช้ผลิตเป็นยาสำเร็จรูปโดยกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเทคโนโลยีการสังเคราะห์วัตถุดิบที่ทางสวทช.ได้พัฒนาจนสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการแล้ว ไปพัฒนาต่อยอดกระบวนการสังเคราะห์ในระดับกึ่งอุตสาหกรรมเพื่อสร้างต้นแบบความสำหรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม และ เชิงพาณิชย์ต่อไป